'ทุกคนคงมีความฝันว่า... โชคชะตาจะนำพาเราไปที่แห่งหนใดบ้าง''
The Secret of Moonacre เป็นภาพยนตร์แฟนตาซีเรื่องล่าสุดของ เกเบอร์ ซูโป ผู้กำกับฯ ที่เคยสร้างความประทับใจจาก Bridge to Terabithia มาแล้ว ทั้งยังได้นักแสดงดาวรุ่งอย่าง ดาโกต้า บลู ริชาร์ด ที่เคยรับบทเป็น ไลล่า ในหนังแฟนตาซีสุดอลังการอีกเรื่องอย่าง The Golden Compass มาแสดงนำ
ภาพยนตร์สัญชาติอังกฤษเรื่องนี้ก็ได้มีการเปิดตัวกันไปแล้วที่บ้านเกิดในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยทีมนักแสดงทุกคนต่างได้ให้เกียรติมาในงานเปิดตัวครั้งนี้กันอย่างพร้อมหน้า
ดาโกต้า บลู ริชาร์ด ผู้รับบทเป็น มาเรีย ได้พูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ว่า ''เรื่องราวเริ่มจากความบาดหมางของสองครอบครัว คือ ตระกูลเมอร์รี่เวเธอร์ และ ตระกูลเดอ มัวร์ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องสร้อยไข่มุกเวทมนตร์ที่เจ้าหญิงจันทราเป็นเจ้าของตั้งแต่สมัยอดีตกาล แต่ปัจจุบันมันได้สูญหายไป และต่างฝ่ายก็คิดว่าฝั่งตรงข้ามเป็นคนขโมยไป และการเดินทางมาของ มาเรีย เมอร์รี่เวทเธอร์ ที่ทราบภายหลังว่าเป็นเจ้าหญิงจันทราองค์สุดท้าย ก็เหมือนเป็นหน้าที่ภาระที่เธอต้องทำให้ มูนเอเคอร์ วัลเลย์ กลับมาสงบสุขอีกครั้ง''
ไอออน กรัฟฟัดด์ นักแสดงนำจาก Fantastic Four ทั้งสองภาค ได้พูดถึงบทบาทที่เขาได้รับว่า ''เซอร์ เบนจามิน เป็นคนที่ลึกลับ เขาซึมเศร้าและรู้สึกสงสารตัวเองตลอดเวลา ซึ่งเกิดมาจากความเจ็บปวดในอดีตที่เขาสูญเสียคนรักไปเมื่อ 10-15 ปีก่อน เขาปล่อยให้ปราสาทของตัวเองทรุดโทรม ในเรื่อง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับ มาเรีย เข้ามาอุปการะเนื่องจากพี่ของเขาซึ่งเป็นพ่อของ มาเรีย เสียชีวิตอย่างกะทันหัน แต่สุดท้ายแล้วก็กลับกลายเป็นว่า มาเรีย คือผู้ที่ทำให้เขากลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติอีกครั้ง''
ถึงแม้ตระกูลเดอ มัวร์ จะอาศัยอยู่ในป่าลึกและมีชื่อเสียงในเรื่องการปล้นชิงทรัพย์ แต่บุตรชายของหัวหน้าตระกูลกลับมีความรู้สึกว่า มันไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ทั้งสองตระกูลต้องเกลียดชังกัน โดย ออกัสตัส พริว ผู้รับบทเป็น โรบิน บุตรชายคนเดียวของตระกูลเดอ มัวร์ ได้พูดถึงตัวละครของเขาว่า ''โรบิน เป็นเด็กเกเร เขาพยายามแสร้งทำเป็นคนเข้มแข็ง แต่แท้จริงแล้วในใจเขาเป็นเด็กจิตใจอ่อนโยน โดยตอนแรกนั้นเขาจะเป็นคนที่คอยขัดขวาง มาเรีย ในการตามหาไข่มุกเวทมนตร์ แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ลงเอยด้วยการเป็นเพื่อน และช่วยกันตามหามันเพื่อรักษา มูนเอเคอร์ วัลเลย์''
สำหรับ เกเบอร์ ซูโป แล้ว นี่เป็นโอกาสดีที่เขาได้ทำในสิ่งที่เขาหลงใหลอีกครั้งหนึ่ง โดยเขายังรู้สึกประทับใจที่ได้ร่วมงานกับดารานำจาก The Golden Compass อีกด้วย ''หนังสือเล่มนี้เหมือนประตูที่มอบโอกาสให้คนหลบไปพักผ่อนจากโลกแห่งความเป็นจริงได้อยู่แล้ว แต่ผมก็ยังอยากให้หนังเรื่องนี้อุดมไปด้วยเวทมนตร์มากกว่าในหนังสือ ผมหวังว่าเด็กๆ และผู้ปกครองที่ดูคงจะตอบสนองเป็นอย่างดี ประสบการณ์การทำงานในกองถ่ายของผมนั้นมีความสุขมาก โดยเฉพาะการได้ร่วมงานกับ ดาโกต้า ที่มีความเป็นมืออาชีพมากเกินอายุ เธอเรียนรู้บทของตัวเองได้เร็วและรู้ว่าจะแสดงมันออกมาเช่นไร ที่สำคัญที่สุด คือเธอมีความขยัน มีการเตรียมพร้อมก่อนเข้าฉากไม่เว้นแม้แต่วันเดียว''
เมเรดิธ การ์ริค หนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง เล่าถึงจุดประสงค์ในการหยิบวรรณกรรมคลาสสิกเล่มหนึ่งของศตวรรษที่ 20 มาสร้างเป็นภาพยนตร์ที่จะทำให้ทุกคนต้องหลงรัก ''พวกเราอยากสร้างภาพยนตร์ที่ให้ความบันเทิงอย่างถึงที่สุด โดยยังเป็นประตูที่เปิดไปสู่โลกแฟนตาซีที่คุณสามารถสัมผัสได้ มันจะทำให้คุณเชื่อมั่นว่าเมื่อตัวเองกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่ บางทีก็อาจจะมีเวทย์มนต์หรือปาฏิหาริย์บางอย่างเกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือคุณ''
แสดงความคิดเห็น